“ทราบแล้วเปลี่ยน” เรียนออนไลน์อย่างไรให้ครอบครัวมีความสุข

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“ทราบแล้วเปลี่ยน” เรียนออนไลน์อย่างไรให้ครอบครัวมีความสุข


การบ้านเยอะ ...เรียนตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น...ไม่มีเวลาอาบน้ำ-กินข้าว ....กิจกรรมที่เคยมีก็ไม่มี ....ปวดตา ปวดหัว เมื่อยตัว นั่นคือเสียงสะท้อนของน้องๆนักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ในห้วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้วเด็กจะมีความสุขได้อย่างไร พ่อแม่จะเป็นตัวช่วย ตัวเสริมเรื่องการเรียนของลูกได้อย่างไร โดยที่ทั้งพ่อแม่และลูกจะไม่มีความเครียดเกิดขึ้นในครอบครัว

ในการเสวนาออนไลน์ “ทราบแล้วเปลี่ยน” ในหัวข้อ #แนวทางส่งเสริมสุขภาพเด็กในช่วงเรียนออนไลน์ จัดโดยศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงเด็กๆ ได้รับผลกระทบต่อวิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงในแบบที่บิดเบี้ยวไปมากจากภาวะปกติที่เคยได้ไปโรงเรียน เรียนในห้องเรียน ได้มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ ได้เล่นอย่างสมวัย ลดภาวะพฤติกรรมเนือยนิ่ง และมีการนอนหลับที่มีคุณภาพ แต่เมื่อสถานการณ์บังคับให้วิถีชีวิตของเด็กๆเหล่านี้เปลี่ยนไป ผุ้ใหญ่อย่างเราๆจะหาทางออกของเรื่องนี้กันได้อย่างไร

เริ่มกันที่ ผศ.พญ.แก้วตา นพมณีจำรัสเลิศ รองผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดลและกุมารแพทย์ เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก กล่าวว่า ในมุมของหมอจะมองผลกระทบบที่เกิดขึ้นกับเด็กทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสุขภาพของสมอง ผลจากการเรียนออนไลน์พบว่า เด็กอยู่กับหน้าจอมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสายตาที่กระพริบตาน้อยลง ทำให้ตาแห้ง มีอาการปวดตา นั่งนาน จะปวดเมื่อตัว ด้านพฤติกรรมสุขภาพส่งผลกระทบทั้งเรื่องการกินการนอน สามารถกินได้ตลอดเวลา หากผู้ปกครองไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพอาหาร อาจส่งผลให้เด็กเกิดภาวะอ้วนได้ ซึ่งหากเด็กอ้วนแล้วนะจำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง

การแก้ไขปัญหา หัวใจที่สำคัญคือพ่อแม่การปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวต้องเป้นไปในเชิงบวก พ่อแม่ต้องจัดสรรเวลาทำกิจกรรมร่วมกับลูกในช่วงที่ลูกต้องเรียนออนไลน์ พ่อแม่ต้องทำงานที่บ้าน ความเข้มแข็งทางจิตใจของพ่อแม่ จะทำให้เด็มีพลังในการลุกขึ้นสู้ ดังนั้นการพูดคุยสื่อสารกับเด็กจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เด็กเข้มแข็งและเติบโตไปได้

ส่วนของโรงเรียนควรมีนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มรูปแบบกิจกรรมเพื่อให้เด็กมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น จัดตารางเรียนให้เหมาะจัดครูไปเยี่ยมบ้านนักเรียนในกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียนไม่มีเวลา

ในส่วนของผู้ที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษาโดยตรง  นายสนิท แย้มเกษร  รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 มาทาง สพฐ.ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารรสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส,) มาโดยตลอด ตอนนี้มีโรงเรียนที่ต้องทำการสอนออนไลน์มีประมาณ 50-60% จากผลสำรวจพบว่า ในโรงเรียนใหญ่ๆทั้งเด็ก ม.ต้นและ ม.ปลาย มีความสุขกับการเรียนออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงการเรียนออนไลน์ไม่ได้เหมาะสมกับทุกพื้นที่

ทั้งนี้สถานการณ์โควิด-19 ยังคงอยู่กับเราไปอีกนาน การเรียนในวันนี้ทางผู้ใหญ่ได้ให้นโยบายเรื่องการเรียนการสอนจัดลำดับอะไรสำคัญที่ต้องเรียนก็ให้เรียน อะไรที่สำคัญรองลงมาให้พักไว้ก่อน ให้การบ้านให้น้อยลง ลดขั้นตอนต่าง เช่น การประเมินผล และโรงเรียนจะต้องมีการบูรณาการการให้การบ้านกับนักเรียน และอีกด้านหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการพยายามลดภาระของผู้ปกครอง ด้วยการจัดสรรเงินอาหารกลางวันหัวละ 20 บาท ส่งตรงถึงผู้ปกครองเพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดหาซื้อหาอาหารให้เด็ก และได้มีการเปลี่ยนนมพลาสเจอร์ไรส์มาเป็นนมยูเอชที เพื่อสะดวกในการขนส่งและเก็บไว้ได้นาน ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ปกครองขณะนี้ได้มีการลดค่าเทอม และรัฐให้เงินอุดหนุนเด็กนักเรียนคนละ 2,000 บาท

“ในภาวะเช่นนี้การเรียนการสอนี่จะลดความเครียดของนักเรียนกระทรวงศึกษาธิการทำคนเดียวไม่ได้ ต้องให้หลาๆฝ่ายช่วยกัน ทั้ง สสส. หมอ ครูมาช่วยกันทำให้เกิดผลสำเร็จได้ ส่วนเรื่องการจัดทำคู่มือความรู้ที่จะส่งให้ผู้ปกครองนั้นขออย่าใช้ภาษาที่ยุ่งยาก” นายสนิท กล่าว

สุดท้าย ดร. นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ระบุว่า เรื่องเด็เป็นสิ่งที่ สสส.ทำมาโดยตลอด เมื่อมีการเรียนออนไลน์เกิดขึ้นสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ กิจกรรมทางกายที่ลดลง มีพฤติกรรมการกิน นอนไม่เป็นเวลา จากงานวิจัยพบว่าในภาวะโควิด-19 พบว่าคนไทยนั่งนานขึ้นเฉลี่ย 14 ชั่วโมงต่อวัน จ้องจอมากขึ้น การขยับตัวของเด็กน้อยลง องค์การอนามัยโลกระบุว่า เราควรจะขยับทางกายอย่างน้อยวันละ 60 นาที แต่สำหรับเด็กไทยในภาวะปกติมีการขยับทางกายเพียง 26% และในสถานการณ์โควิด-19 มีการขยับทางกายเหลือเพียง 17% เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากลัว เนื่องจากจะส่งผลกระทบระยะยาวให้เด็กมีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากขึ้น

ซึ่งพ่อแม่สามารถใช้กิจกรรมภายในบ้านมาเป็นตัวช่วยเสริมกิจกรรมทางกายให้กับลูกได้ เช่ การทำความสะอาดครอบครัว เล่นกีฬาด้วยกัน เราต้องทำให้เด็กขยับร่างกาย มีการศึกษาพบว่าเด็กที่ขยับร่างกายจะมีสมองที่แตกต่างกับเด็กที่อยู่เฉยๆ รวมทั้งมีผลการเรียนที่ต่างกันด้วย ดังนั้นถึงโควิด-19 จะเข้ามา เด็กไม่สามารถที่จะหยุดการเรียนรู้ได้ พ่อแม่จึงมีบทบาทเข้ามาส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก ผ่านคู่มือชุดความรู้ต่างๆที่รวบรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้

การเรียนออนไลน์ในวันนี้ของเด็ก จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ ผู้ปกครองที่ถูกต้อง ด้วยการสื่อสารเชิงบวก เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายไม่เกิดความตึงเครียด ส่วนภาครัฐจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อลดภาระของผู้ปกครองในยามวิกฤติเช่นนี้เพื่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุขในยุค NEW NORMOL



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ