ภูเก็ตไนน์ฯ ประกาศศักดาขึ้นแท่นเจ้าตลาดพัฒนาอสังหา ฯ แห่งภูเก็ต เปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ ราไวย์ วีไอพี วิลลาส์, ราไวย์ พาร์ค คิดส์ เพลย์กราวนด์ และ วีไอพี กะตะ คอนโดมีเนียม ตอบโจทย์นักลงทุน พร้อมการันตรีรายได้ปีละ 6-8 %
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานกรรมการ บริษัท ภูเก็ตไนน์เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาฯ ในภูเก็ต มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มที่ดี บริษัทฯ จึงได้เปิดตัว 3 โครงการใหม่ ได้แก่ 1.โครงการ “วีไอพี กะตะ คอนโดมีเนียม” (VIP KATA Condominiums) คอนโดมีเนียมติดชายหาด ระยะห่างจากหาดกะตะเพียง 500 เมตร โดยมีเนื้อที่ดินของโครงการครอบคลุมถึง 4,100 ตารางเมตร (ตร.ม.) เบื้องต้น มีอาคารคอนโดมีเนียม 2 อาคาร คือ อาคาร A แบ่งเป็น 2 ส่วน สูง 8 ชั้น และสูง 5 ชั้น, อาคาร B สูง 5 ชั้น รวมยูนิตขายทั้งหมด 190 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 40% ซึ่งลูกค้ากลุ่มหลักๆ จะเป็นชาวจีน และเมื่อยอดขายของชาวต่างชาติถึงระดับ 49% ของพื้นที่การขายทั้งหมดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ยูนิตที่เหลือจะเป็นการซื้อเพื่อลงทุนโดยมีอายุสัญญาเช่า 30 ปี ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างได้เริ่มขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มโอนได้ในเดือน ธ.ค.2560
2.โครงการ “ราไวย์ วีไอพี วิลลาส์” (Rawai VIP Villas) บ้านพักหรูสไตล์วิลลาที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ภูเก็ตตอนใต้ จำนวน 43 ยูนิต ราคาขาย 8-15 ล้านบาท สามารถปิดการขายได้ทั้งหมด และอยู่ในขั้นตอนนำที่ดินอีก 4 ไร่ มาทำโครงการวิลลา คาดจะพัฒนาได้ประมาณ 20 ยูนิต ขนาด 110-125 ตารางวา ราคาขายเฉลี่ย 10-12 ล้านบาท และ 3.โครงการ “ราไวย์ พาร์ค คิดส์ เพลย์กราวนด์” สวนสนุกสำหรับเด็ก ที่ตั้งอยู่ภายในโครงการ ราไวย์ วีไอพี วิลลาส์ ที่มีบริการต่างๆ รองรับความต้องการของลูกค้า
“การท่องเที่ยวในภูเก็ต เติบโตขึ้นทุกวัน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 50,000 คนต่อวัน โดย 50% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน และการที่ภูเก็ตไนน์ มีพันธมิตรจากจีนเข้ามาช่วยการขายโดยตรงในประเทศจีน จะช่วยให้เราสามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งลูกค้าชาวจีนที่มาซื้อห้องชุด วีไอพี กะตะ คอนโดฯ ค่อนข้างมีฐานะ และลูกค้าที่มาซื้อก็เพื่อต้องการมีบ้านหลังที่สองในภูเก็ต รองรับการพักผ่อน ทั้งนี้ ทางบริษัทฯ ยังมีที่ดินข้างเคียงที่จะทำอาคาร C และ D ได้อีก ซึ่งหากรวมทั้งหมดจะมีมูลค่าโครงการถึง 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีที่ดินของเครือญาติของหุ้นส่วนที่สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ ทั้งนี้ ทางโครงการยังได้บริหารจัดการอสังหาฯ โดยรับประกันรายได้จากค่าเช่าปีละ 6-8% เป็นระยะเวลาถึง 7 ปี”
ขณะที่ นางสาว ทัศนพร มีปา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ตไนน์เรียลเอสเตท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่ยาวนานประกอบกับทางบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้เปิดตัว 3 โครงการใหม่ดังกล่าว
โดยความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของบริษัทนั้นได้ยึด 4 หลักสำคัญในการ ดำเนินธุรกิจ ดังนี้ 1. ทำเลที่ตั้งของโครงการ ที่ทางบริษัทฯ ได้ผ่านการคัดเลือกทำเลที่ตั้งมาอย่างพิถีพิถันทุกโครงการ ที่รับประกันความพึงพอใจในด้านการลงทุน เพื่อตอบโจทย์ของลูกค้า ทั้งกลุ่มลงทุนเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ ลงทุนอสังหาฯ ที่พักสไตล์รีสอร์ท ที่การันตีรายได้จากการลงทุนของผู้ซื้อเป็นเจ้าของอสังหาฯ เพื่อให้เหมาะสมกับการลงทุนอย่างแท้จริง
2. มาตรฐานการก่อสร้างคุณภาพดีเยี่ยม เป็นปัจจัยสำคัญรองลงมาในการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้พักอาศัยหรือเจ้าของอสังหาฯ ในโครงการของบริษัทฯ ที่จะได้รับความสะดวกสบายและมั่นคงแข็งแรง 3. ราคาน่าพึงพอใจ ทางบริษัทฯ มีกิจการรับเหมาก่อสร้างในเครือขนาดใหญ่ ที่ดำเนินกิจการอสังหาฯทุกขั้นตอน ตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงบริหารจัดการการเช่าอสังหาฯเอง พร้อมบริหารงานด้านการตลาด ส่งผลให้ลดต้นทุนในส่วนนี้ได้มากถึง 4-7 % และ4. ตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ โดยทุกยูนิตได้รับการตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ที่พร้อมเข้ามาอยู่และใช้งานได้ทันที
“บริษัทภูเก็ตไนน์เรียลเอสเตท ฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 โดย นายสาธร ศรีรักษ์,นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช,นาย มีโชค ศรีรักษ์, นางสาว ทัศนพร มีปา บริหารงานโดย นางสาว ทัศนพร มีปา กรรมการผู้จัดการ บริษัทภูเก็ตไนน์เรียลเอสเตท ฯ ที่ได้ดำเนินงานธุรกิจ ก่อสร้าง, ขายและบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ทั้งในรูปแบบที่อยู่อาศัยสไตล์วิลล่า แบบบ้านเดี่ยว บ้านจัดสรรตกแต่งพร้อมเข้าอยู่ และ คอนโดมีเนียม เป็นต้น ซึ่งตลอดระยะเวลาในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบันให้ตรงจุดด้วยการออกแบบในสไตล์หรูหรา อินเทรนด์ ทันสมัย พร้อมเครื่องใช้ในบ้านยุคใหม่ที่สะดวกต่อการใช้งาน ส่งผลให้ที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”