ย้อนตำนานน้ำเมา ‘บาวแดง’ ชน ‘ช้าง’ ศึกเหล้าขาวสะท้านชุมชน
นับตั้งแต่ถือกำเนิดมาในธาราน้ำเมาเมื่อปี 2538 เบียร์ช้างที่หักดิบ “ตำนานเบียร์”อย่างคาร์ลสเบอร์กยักษ์ใหญ่ในลำดับต้น ๆ วงการเบียร์โลกจากเดนมาร์กที่มีอายุกว่าร้อยปีก็ตั้งเป้าที่ก้าวเป็นเบอร์ 1 วงการเบียร์ไทยแทนเบียร์สิงห์ที่เป็นสุดยอดตำนานเบียร์ไทยให้ได้ แต่การจะยึดตลาดที่สิงห์ครองอย่างมั่นคงนานนับสิบปีไม่ใช่เรื่องง่าย ช้างจึงตั้งเป้าขยายตลาดนักดื่มเบียร์ด้วยการรุกตลาดระดับรากหญ้าที่เป็นคอเหล้าขาว โจทย์ที่ฝ่ายผลิตได้รับคือ ทำอย่างไรจะผลิตเบียร์ให้ถูกใจนักดื่มเหล้าโรง หัวใจหลักคือ ราคาถูก ดีกรีแรง 2 ขวดต้องเมา ดื่มแล้วเท่กว่าดื่มเหล้าโรง ช้างเร่งพัฒนาและทดสอบเบียร์ของตนมาอย่างต่อเนื่อง ลำดับแรกคือการรุกตลาดด้วยราคา 4 ขวดร้อย แม้ดีกรีจะแรง แต่เนื่องจากรสชาติยุคแรกยังไม่ถูกปาก ช้างก็ออกคำแนะนำให้นักดื่มว่า หากจะดื่มช้างให้อร่อยต้องแช่ให้เย็นจัด ๆ หรือผสมน้ำแข็งเข้าไปด้วย เพราะจะทำให้มีฟองน้อยได้รสชาติ ซึ่งถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมการดื่มเบียร์รูปแบบใหม่ขึ้นมาแม้จะแซงหน้าขึ้นมาจนเป็นเจ้าตลาด แต่ช้างก็ยังคงพัฒนาสินค้าของตนอย่างต่อเนื่อง ปรับเปลี่ยนทั้งคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ สร้างความเก๋ไก๋ให้นักดื่ม ดูแล้วมีคลาส
ผลการรุกตาดของช้างทำให้ทั้งเบียร์สิงห์และเหล้าขาวกระเทือนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะค่ายสิงห์นั้นกระเทือนหนัก ต้องปรับกลยุทธ์กันขนาดใหญ่ ออกเบียร์มาอีกชนหลายแบรนด์ จนในที่สุดได้ลีโอมากู้วิกฤติ ส่วนกลุ่มเหล้าขาวนั้น แม้จะกระเทือนหนัก แต่บรรดาผู้ประกอบการกลับไม่เดือนร้อนในทางรายได้ เพราะเกือบทั้งหมด “เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี” รับโอนถ่ายมาจากกลุ่มของ เถลิง เหล่าจินดา ที่กวาดเรียบมาตั้งแต่การประมูลโรงเหล้าครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2526 ร่วม 22 ปีมาแล้วที่เบียร์ช้างรุกตลาด แต่ในที่สุดก็มีผู้ท้าชนยักษ์ ทำให้สงครามน้ำเมากลับมาระอุอีกครั้ง เมื่อกลุ่มคาราบาวแดงประกาศท้าชน ‘เสี่ยเจริญ’ ด้วยการส่งเหล้าขาวยี่ห้อ ‘ตะวันแดง’ ทำตลาดขายแข่งทั่วประเทศ ลามถึงกลุ่มสุราชุมชนต้องเร่งปรับตัวหาจุดขายรักษาฐานการค้า มหากาพย์บทนี้จะเป็นอย่างไรติดตามได้ในสยามธุรกิจ ฉบับประจำวันที่ 8-14 กรกฎาคม 2560 บนแผงหนังสือชั้นนำ